ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bagarius bagarius อยู่ในวงศ์ปลาแค้ (Sisoridae) มีลักษณะหัวแบนราบมีด้านบนโค้งและด้านล่างเรียบ จะงอยปากยื่นยาว มองจากด้านบนจะโค้ง หนวดเป็นเส้นแข็งมีผังผืดที่ริมฝีปาก ตาเล็กอยู่ด้านบนของหัว มีลักษณะคล้ายตาของงูหรือจระเข้ คือ มีม่านตาดำเล็กเป็นช่องแนวตั้ง ปากกว้างมากมีฟันเป็นเขี้ยวแหลมคมอย่างสัตว์ดุร้าย
ส่วน
หลังยกสูง ลำตัวแบนราบเล็กน้อย
ครีบหลังยกสูงมีก้านครีบแข็งแหลมคมเช่นเดียวกับครีบอก ที่ปลายครีบอก
ครีบท้อง ครีบหลัง มีลักษณะเป็นเส้นเรียวยาว โดยเฉพาะในตัวเมีย
ผิว
หนังสาก บนหัวมีกระ ไม่เรียบ ตัวมีสีเขียวมะกอกหรือน้ำตาลอ่อนอมเหลือง
มีประด่างสีคล้ำและสีดำตลอดลำตัวด้านบนและครีบ ด้านท้องสีจาง
ครีบท้องของปลาแค้วัวจะตั้งตรงอยู่แนวเดียวกับด้านท้ายของครีบหลัง
เป็นปลาล่าเหยื่อ
กินปลาและซากสัตว์เป็นอาหารหรือแม้กระทั่งเหยื่อปลอมของนักตกปลาก็ไม่เว้น
อาศัยอยู่ในแม่น้ำสายใหญ่ของทุกภาค พบน้อยในภาคใต้ พบมากในแม่น้ำเจ้าพระยา
แค้วัวมีความยาวเต็มประมาณ 30 - 40 ซม. พบใหญ่สุดไม่เกิน 70 ซม.
นิยมบริโภคด้วยการปรุงสด เนื้อมีรสชาติดี อร่อย ทำเป็นอาหารได้หลากหลาย
เช่น ต้มยำ เป็นต้น มักพบขายในร้านแม่น้ำตามภูมิภาคที่ติดริมแม่น้ำ
และเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม แค้วัว มีชื่อเรียกที่เรียกกันทั่วไปว่า " แค้ "
หรือ " แค้ธรรมดา " หรือ " ตุ๊กแก " เป็นต้น
++++++++++++++++++++++++++++
ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bagarius yarrelli อยู่ในวงศ์ปลาแค้ (Sisoridae) มีรูปร่างคล้ายแค้วัว (Bagarius bagarius) มากจนสังเกตได้ยาก ที่แตกต่างกันคือ ครีบท้องของแค้ยักษ์จะอยู่เยื้องด้านท้ายของครีบหลัง สีสันก็คล้ายกันมาก แต่อาจมีสีน้ำตาลเข้มหรือคล้ำกว่าในปลาตัวเต็มวัย แค้ยักษ์มีขนาดประมาณ 60 - 70 ซม. พบใหญ่สุดถึง 2 เมตร
อาศัย
อยู่ในสายใหญ่ตั้งแต่แม่น้ำสาละวินจนถึงแม่น้ำโขง พบน้อยในภาคใต้
แต่พบมากในแม่น้ำโขง เนื้อมีรสชาติดีและมีสีเหลืองอ่อนรวมถึงหนังและไขมัน
ซึ่งต่างจากแค้วัวซึ่งมีเนื้อสีขาว โดยทั้ง 2 ชนิด
มักถูกปรุงด้วยวิธีเดียวกัน และนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม
++++++++++++++++++++++++++++
เป็นชื่อปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Erethistes maesotensis อยู่ในวงศ์ปลาแค้ (Sisoridae) มี
ลักษณะลำตัวเล็ก ด้านท้ายเรียวและแบนข้าง หัวโต ปากมนอยู่ด้านล่าง มีหนวด 4
คู่ ตาเล็กและยกสูง ครีบหลังยกสูง
ก้านครีบอกโค้งยาวและมีหยักทั้งด้านหน้าและขอบท้าย ครีบหางเว้าโค้ง
ลำตัวสีเทาอมเหลืองหรือน้ำตาลและมีประสีคล้ำ ครีบใสและมีแต้มสีคล้ำ
มีขนาดประมาณ 2 ซ.ม. ใหญ่สุดเพียง 5 ซ.ม.
นับเป็นปลาที่มีขนาดเล็กที่สุดในวงศ์นี้ (Family)
อาศัย
อยู่ตามหน้าดินและซอกหินในลำธารที่น้ำไหลเชี่ยวมีพื้นเป็นโคลนปนทรายของลุ่ม
แม่น้ำสาละวินที่เดียวเท่านั้น โดยอาหารได้แก่
แมลงน้ำและสัตว์หน้าดินขนาดเล็ก
++++++++++++++++++++++++++++
เป็นชื่อปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bagarius suchus อยู่ในวงศ์ปลาแค้ (Sisoridae) มีรูปร่างเหมือนปลาแค้ทั่วไป แต่มีสีลำตัวอ่อนกว่า และมีส่วนหัวแบนราบกว่า มีขนาดประมาณ 70 ซ.ม.
โดยอาหารและถิ่นที่อยู่เหมือนกับปลาแค้อีก 2 ชนิด คือ แค้วัว (Bagarius bagarius) และแค้ยักษ์ (Bagarius yarrelli) แต่พบในส่วนที่เป็นหน้าดินกว่า
เป็นปลาแค้ชนิดที่พบได้น้อย นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม ซึ่งเป็นปลาที่มีราคาสูง และมีชื่ออื่นอีกว่า " แค้หัวแบน "
++++++++++++++++++++++++++++
ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Glyptopthorax trillineatus อยู่ในวงศ์ปลาแค้ (Sisoridae) เป็นปลาแค้ในสกุลปลาแค้ติดหิน (Glyptothorax)
ชนิดหนึ่งที่มีลำตัวเพรียวยาว ครีบหางเว้าลึก
ลำตัวสีน้ำตาลหรือคล้ำอมหเลือง
มีแถบสีเหลืองสดพาดลำตัวตามแนวยาวตรงกลางหลังและด้านข้างไปถึงโคนครีบ
ครีบสีเหลืองและมีแต้มสีคล้ำ มีขนาดประมาณ 10 - 15 ซ.ม. ใหญ่สุด 30 ซ.ม.
พบ
อาศัยอยู่เฉพาะลำธารและน้ำตกในระบบแม่น้ำสาละวินเท่านั้น
และมีรายงานพบที่จีนด้วย มีพฤติกรรมอาศัยอยู่เป็นกลุ่ม
โดยจะหันหน้าสู้กับกระแสน้ำ อาหารได้แก่ แมลงน้ำและลูกปลา ลูกกุ้งขนาดเล็ก
เป็น
ปลาที่ไม่พบบ่อยมากนัก แต่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม
ที่บางครั้งพบมีขายในตลาดปลาสวยงาม โดยมีชื่อเรียกว่า " ฉลามทอง
"แค้ติดหินสามแถบ มีชื่อเรียกในภาษาเหนือว่า " ก๊องแก๊ง "
++++++++++++++++++++++++++++
เป็นภาษากะเหรี่ยง ที่หมายถึงปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gagata gashawyu อยู่ในวงศ์ปลาแค้ (Sisoridae)
มีลักษณะลำตัวทรงกระบอก แบนข้างเล็กน้อย หัวทู่ ตาใหญ่
แต่ม่านตาเล็กคล้ายตางู ปากเล็ก มีหนวด 4 คู่ ครีบหลังยกสูง ครีบไขมันเล็ก
ครีบหางเว้าลึก ลำตัวมีสีสันสดใสสวยงาม โดยมีสีฟ้า สีขาว
เหลือบเหลืองทองหรือเขียวสลับกันไปทั้งตัวและมีแต้มสีคล้ำ ท้องสีจาง ครีบใส
ครีบไขมันมีขอบสีคล้ำ ครีบหางมีแถบสีคล้ำ เป็นปลาขนาดเล็ก
ลำตัวกว้างประมาณ 5 ซ.ม. ยาวประมาณ 10 ซ.ม. ใหญ่สุด 13 ซ.ม. อาหารได้แก่
ไส้เดือนน้ำ แมลงน้ำขนาดเล็ก ตะไคร่น้ำ โดยมีพฤติกรรม
อยู่ในบริเวณใกล้พื้นท้องน้ำ
พบอาศัยอยู่ในน้ำไหลที่มีพื้นเป็นทรายหรือโคลนของลุ่มแม่น้ำสาละวินเท่า
นั้น เป็นปลาที่พบได้ทุกฤดูกาล ใช้บริโภคในพื้นที่ และเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม
ซึ่งนานครั้งจึงจะพบในขายในตลาดปลาสวยงาม และเป็นชนิดที่เลี้ยงยาก
เพราะต้องอาศัยอยู่ในน้ำไหลแรงและสะอาดมีปริมาณอ็อกซิเจนละลายในน้ำสูง
เหมือนปลาแค้ขี้หมู หยะเค หรือ หยะคุย หรือ ยะคุย เป็นภาษาของชาวกะเหรี่ยง
ใช้เรียกปลาในตระกูลปลาแค้โดยไม่แยกชนิด โดยที่คำว่า " หยะ " หรือ " ยะ "
แปลว่า ปลา
++++++++++++++++++++++++++++
ไงก็ขอเครดิตมั่งนะครับ
ตอบลบ