- ปลาสลิด
- ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trichopodus cantoris (Günther 1861)
- ชื่อเดิมTrichogaster pectoralis (1910)
- ชื่อสามัญ: SNAKESKIN GOURAMI
- อยู่ในวงศ์ปลากัด ปลากระดี่ (Osphronemidae)
ขนาดโดยเฉลี่ย 10-16 เซนติเมตร พบขนาดใหญ่สุดถึง 25 เซนติเมตร นับเป็นปลาในสกุล Trichogaster ที่ใหญ่ที่สุด
มีถิ่นอาศัยในแหล่งน้ำนิ่งที่มีพืชน้ำและหญ้ารกริมตลิ่งของภาคกลาง ภาคอีสานและภาคใต้ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังพบในประเทศรอบข้าง
พฤติกรรม ในการสืบพันธุ์เริ่มขึ้นในระหว่างเดือนเมษายน-สิงหาคม โดยจะวางไข่โดยการก่อหวอดตามผิวน้ำติดกับพืชน้ำหรือวัสดุต่าง ๆ มักวางไข่ในช่วงกลางวันแดดรำไร หลังวางไข่เสร็จแล้วตัวพ่อปลาจะเป็นผู้ดูแลไข่จนฟักเป็นตัว ตัวเมียวางไข่ครั้งละ 4,000-10,000 ฟอง ในการเลี้ยงทางเศรษฐกิจนิยมให้เป็นการผสมพันธุ์หมู่ ตัวผู้จะมีสีและแถบเข้มกว่าตัวเมีย ลักษณะของครีบหลังก็สามารถใช้แยกเพศได้เหมือนกันคือ ตัวผู้จะมีกระโดงหลังยาวกว่าตัวเมีย
ปลา สลิดนับเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของไทย นิยมแปรรูปเป็นปลาแห้งหรีอปลาเค็มที่รู้จักกันดี โดยเกษตรกรจะเลี้ยงในบ่อดิน โดยฟันหญ้าให้เป็นปุ๋ยและเกิดแพลงก์ตอนเพื่อเป็นอาหารปลา โดยพื้นที่เลี้ยงปลาสลิดที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ที่เรียกว่า "ปลาสลิดบางบ่อ" นอกจากนี้ยังมีอีกแหล่งหนึ่งที่เคยมีชื่อในอดีต คือที่ ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
(ขออนุญาติเอารูปน้าผีปลามาลงนะครับ)
มี ชื่อเรียกในภาษามาเลย์ว่า "sepat siam" ภาษาอังกฤษเรียกว่า "กระดี่หนังงู" (snakeskin gourami) และมีชื่อเรียกในราชาศัพท์อีกว่า "ปลาใบไม้" ทั้งนี้เนื่องจากคำว่า "สลิด" เพี้ยนมาจากคำว่า "จริต" พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงได้ทรงแนะนำให้เรียกปลาสลิดในหมู่ราชบริพารว่า ปลาใบไม้ เพราะทรงเห็นว่ามีรูปร่างเหมือนใบไม้
ปลา สลิดเป็นปลาเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ได้เป็นกอบเป็นกำ ด้วยการแปรรูปเป็น ปลาสลิดแดดเดียว อีกทั้งยังแปรรูปเป็นอาหารได้หลากหลายรูปแบบเช่น
ทอด
ฉู่ฉี่
*****************************************************
- ปลากระดี่นาง
- ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trichopodus microlepis (Günther 1861)
- ชื่อเดิม Trichogaster microlepis (Günther 1861)
- ชื่อสามัญ, MOONLIGHT GOURAM อยู๋ในวงศ์ปลากัด ปลากระดี่ (Osphronemidae)
ขนาด เมื่อโตเต็มที่ยาวเฉลี่ย 7-14 เซนติเมตร เป็นปลาที่พบได้ในแหล่งน้ำในภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออกของไทย และยังพบได้ในประเทศอื่นในภูมิภาคอินโดจีนอีกด้วย
มี พฤติกรรมชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง สามารถฮุบอากาศจากผิวน้ำได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านเหงือก เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จะก่อหวอดผสมกับเศษหญ้าหรือพืชไม้ชนิดต่าง ๆ
(หวอดปลากระดี่นาง ภาพจากสยามเอนซิส)
เป็นปลาที่สามารถใช้บริโภคได้ ในพื้นที่อีสานนิยมบริโภคโดยปรุงสด หรือทำปลาร้า ปลาแห้ง อีกทั้งยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้วย
ด้วย ความที่เป็นปลาที่มีสีเงินทั้งลำตัว จึงได้ชื่อในภาษาอังกฤษว่า "กระดี่แสงจันทร์" (Moonlight gourami, Moonbeam gourami) มีชื่อเรียกในภาษาอีสานว่า "กระเดิด" หรือ "สลาก" หรือ "สลาง"
*****************************************************
- ปลากระดี่หม้อ
- ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trichopodus trichopterus (Pallas 1770)
- ชื่อเดิม Trichogaster trichopterus (Pallas 1770)
- ชื่อสามัญ Tree – spot gourami ในวงศ์ปลากัด ปลากระดี่ (อังกฤษ: Osphronemidae)
ขนาดโดยเฉลี่ยมีความยาวประมาณ 8-10 เซนติเมตร พบใหญ่สุดคือ 15 เซนติเมตร
ปลา กระดี่หม้อเป็นปลาที่มีสีสันต่างตากหลากหลายกันออกไปตามพันธุกรรมและถิ่นที่ อยู่อาศัย จึงมีหลากสีมาก เช่น ปลาที่พบในพื้นที่ภาคใต้จะมีลำตัวสีฟ้าเข้มกว่าปลาที่พบในที่อื่น นอกจากนี้ยังมีที่พบสีออกเหลืองทองหรือออกขาวนวลด้วย แต่ปลาที่พบโดยทั่วไปมักมีลำตัวออกสีน้ำตาลใส
เป็นปลาที่พบได้ในแหล่งน้ำนิ่งทุกภาคของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ จัดเป็นปลาสกุล Trichogaster ที่พบชุกชุมที่สุด
นิยมบริโภคในท้องถิ่น เช่นเดียวกับปลาสลิด (T. pectoralis) และปลากระดี่นาง นอกจากนี้ยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้วย
มี ชื่อเรียกในภาษาอีสานว่า "กระเดิด" หรือ "เดิด" ภาษาเหนือเรียก "สลาก" หรือ "สลาง" ชื่อในภาษาอังกฤษเรียก ว่า "กระดี่สามจุด" (Three spot gourami) หมายถึง จุดดำสองจุดใหญ่ตามลำตัวและนับลูกตาด้วย ชื่อที่นิยมเรียกกันในแวดวงปลาสวยงามคือ "กระดี่นางฟ้า"
หวอดปลากระดี่หม้อ(ภาพจากสยามเอ็นซิส)
*****************************************************
- ปลากระดี่มุก
- ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trichopodus leerii (Bleeker 1852)
- ชื่อเดิม Trichogaster leeri(Bleeker 1852)
- ชื่อสามัญ, Perl Gourami , Leeri Gourami ในวงศ์ปลากัด ปลากระดี่ (Osphronemidae)
มีความยาวเต็มที่เฉลี่ย 10-12 เซนติเมตร
มี
พฤติกรรมมักอาศัยอยู่เป็นคู่หรือกลุ่มเล็ก ๆ
ในแหล่งน้ำที่มีค่าของน้ำมีความเป็นกรดต่ำกว่าค่าของน้ำปกติ (ต่ำกว่า 7.0)
เช่น ในป่าพรุ เป็นต้น
เป็นปลาจำพวกปลากระดี่ที่พบในธรรมชาติได้น้อยที่สุดในประเทศไทย โดยจะพบในเฉพาะพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ตอนล่างเท่านั้น
นิยมเลี้ยงเป็นปลาตู้สวยงาม โดยเฉพาะในตู้ไม้น้ำ
หวอดปลากระดี่มุก
*****************************************************
ขอ
นำเสนอปลาในวงศ์นี้เท่าที่ผมคิดว่าลักษณะใกล้เคียงกันและพบเจอได้ภายใน
ประเทศ อีกทั้งยังสามารถตกได้
ซึ่งจริงๆแล้วปลาในวงศ์นี้มีอีกเยอะที่เราๆรู้จักดีแต่ไม่เคยสนใจครับ
วงศ์ย่อย Belontiinae ได้แก่
วงศ์ย่อย Luciocephalinae ได้แก่
วงศ์ย่อย Macropodinae ได้แก่
วงศ์ย่อย Osphroneminae ได้แก่
- * สกุลปลาหมอจำปะ (Belontia) พบ 2 ชนิด (Species)
วงศ์ย่อย Luciocephalinae ได้แก่
- * สกุลปลาพาราไดซ์หางสั้น (Pseudosphromenus) พบ 2 ชนิด
- * สกุลปลากระดี่(Trichogaster) พบ 5 ชนิด
- * สกุลปลากระดี่แคระ (Colisa) พบ 3 ชนิด
- * สกุลปลากระดี่โนเบิล (Ctenops) พบ 1 ชนิด
วงศ์ย่อย Macropodinae ได้แก่
- * สกุลปลากัด (Betta) พบทั้งหมดราว 52 ชนิด
- * สกุลปลาพาราไดซ์ (Macropodus) พบ 5 ชนิด
- * สกุลปลากริมแรด (Parosphromenus) พบ 10 ชนิด
- * สกุลปลากริม (Trichopsis) พบ 3 ชนิด
- * สกุลปลาช่อนเข็ม (Luciocephalus) พบ 2 ชนิด
- * สกุลปลากระดี่ช็อคโกแล็ต (Sphaerichthys) พบ 4 ชนิด
วงศ์ย่อย Osphroneminae ได้แก่
- * สกุลปลาแรด (Osphronemus) พบ 4 ชนิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น